จุดประสงค์หลักในการแปลงไฟล์ PDF เป็น Word คือเพื่อที่จะสามารถแก้ไขเพิ่มเติมข้อมูลได้ และการแปลง PDF เป็น Word โดยที่ยังคงรูปแบบเดิมแบบ 100% นั้นเป็นไปได้ยาก แม้แต่การใช้โปรแกรมช่วยแปลงอย่าง Abbyy finereader อาจจะช่วยคงรูปแบบเดิมของไฟล์ PDF ได้มากแต่ก็ยังไม่ถึง 100% ซึ่งเราจำเป็นต้องมาจัดรูปแบบเพิ่มเติมอยู่ดี เพราะฉะนั้นจึงไม่ต่างอะไรมากกับการใช้บริการแปลง PDF เป็น Word วิธีอื่นที่ไม่ต้องใช้โปรแกรมช่วยแต่สามารถได้มาซึ่งข้อความทั้งหมดเพื่อนำไปแก้ไขได้เช่นเดียว

วิธีการแปลง PDF เป็น Word โดยไม่ใช้โปรแกรมช่วยวิธีหนึ่งที่ค่อนข้างจะมีประสิทธิภาพและได้รับความนิยมอย่างมากคือการใช้บริการของ Google Docs ซึ่งนอกจากจะเป็นระบบจัดการข้อความคล้ายๆ กับโปแกรม Word แล้ว เรายังสามารถที่จะแปลงไฟล์ PDF หรือไฟล์รูปภาพเพื่อให้เป็นไฟล์รูปแบบข้อความที่สามารถแก้ไขเพิ่มเติมได้ด้วย

วิธีการใช้งาน ก่อนอื่นเลยเราจำเป็นต้องมีบัญชีใน Google อย่างเช่น Gmail ซึ่งสามารถลงทะเบียนสมัครได้ฟรีที่ https://www.google.com/gmail/ เมื่อเราสมัครสมาชิกเรียบร้อยแล้วให้เราไปที่ https://drive.google.com/drive/my-drive ซึ่งเป็นอีกบริการหนึ่ง Google สำหรับจัดเก็บไฟล์หรือข้อมูลต่างๆ ที่เราสามารถใช้งานได้ฟรีในพื้นที่ความจุ 15GB พร้อมทั้งสามารถแบ่งปันข้อมูลในนี้ให้บุคคลอื่นได้ด้วย

เมื่อเข้ามาที่ Google drive แล้วให้เราทำการอัพโหลดไฟล์ PDF ที่เราต้องการที่จะแปลงโดยทำการคลิกเลือกไฟล์ PDF จาก คอมพิวเตอร์ของเราแล้วลากมาปล่อยในหน้าต่างของ Google drive (หรือคลิกขวาตรงที่ว่างในหน้าต่าง Google drive แล้วเลือก”อัปโหลดไฟล์”)

เมื่ออัพโหลดไฟล์เข้ามาเรียบร้อยแล้วให้เราคลิกขวาที่ไฟล์แล้วเลือกเมนู เปิดด้วย – Google docs (เอกสาร) จากนั้นระบบจะทำการเปิดหน้าต่างใหม่ขึ้นมาพร้อมกับทำการดึงข้อความทั้งในไฟล์ PDF ออกมาให้เรา และเราสามารถที่จะทำการแก้ไขเพิ่มเติมผ่าน Google docs ได้เลยหรือไม่ก็เลือกดาวน์โหลดเป็นไฟล์ .Docx เพื่อที่จะนำไปแก้ไขเพิ่มเติมด้วยโปรแกรม Word โดยคลิกที่เมนู ไฟล์ – ดาวน์โหลด – Microsoft Word

เมื่อได้ดาวน์โหลดไฟล์ .Docx มาแล้วเราสามารถเปิดด้วยโปนแกรม Microsoft Word เพื่อจัดการแก้ไขได้เลย
